มิเชล บัลลัค

มิเชล บัลลัค จักรพรรดิในตำนาน จักรพรรดิคือผู้ที่ มีหัวใจที่แข็งแกร่ง และไม่หยุดที่จะสู้ แม้ว่าความปราชัย

มิเชล บัลลัค จักรพรรดิในตำนาน จักรพรรดิคือผู้ที่ มีหัวใจที่แข็งแกร่ง

มิเชล บัลลัค เป็นผู้ที่สร้าง แนวทางให้กับกองทัพ Michael Ballack กลับมามีความหวังอีกครั้ง นั่นจึงทำให้คนๆนั้น ถูกเรียกว่าจักรพรรดินั่นเอง ส่วนจักรพรรดิคนนี้ เขาคือนักเตะ ที่มักจะเปลี่ยนสถานะการ เลวร้ายหรือไม่น่ามีอะไรเลย ให้มันกลายเป็นบอล

ที่มีจังหวะได้เปรียบเสมอ เขาคือหนึ่งในกองกลาง box to box สไตล์ดั้งเดิม ที่เก่งที่สุด เชลซี ในประวัติศาสตร์ สามารถเปลี่ยนทิศทางของเกม ได้ในชั่วพริบตา ทำให้เขาได้เป็น ตำนานของเชลซี leah dizon bayern munich

กัปตันทีมชาติเยอรมัน มิเชล บัลลัค เกิดที่ชายแดน ของประเทศเยอรมัน และโปแลนด์

และกัปตันทีมชาติเยอรมัน มิเชล บัลลัค เอมิลิโอ บัลลัค เกิดที่ชายแดน ของประเทศเยอรมัน และโปแลนด์ พ่อของเขาเคยเป็น นักฟุตบอลอาชีพ ที่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ว่าความรักฟุตบอลที่มีอยู่ เขาจึงได้ถ่ายทอดความรักนั้น มาสู่รุ่นลูก

และเป็นคนที่สอนมิเชล บัลลัค มิชาเอล บัลลัค pantip ให้เล่นฟุตบอล ทั้งสองเท้าให้ถนัดเท่าๆกัน และบัลลัคจึงต้องการ สานต่อปณิธานของพ่อ ในวัย 4 ขวบ เขาได้ไปขอเล่นฟุตบอล กับเด็กที่โตกว่าคนเดียว ในสนามแถวบ้าน กับรุ่นพี่ที่มีอายุราว 8 ถึง 10 ปี

มิเชล บัลลัค

แต่เด็กเรานั้นบอกว่า เขานั้นตัวเล็กเกินไป จึงไม่ให้เล่นกับทีม แต่เขาก็ไปนั่งรอ ที่นั่นทุกวัน จนเด็กที่โตกว่าพวกนั้น อนุญาตให้เล่นด้วย ด้วยวัยที่น้อยที่สุดในกลุ่ม ทำให้เขาไม่ได้รับการยอมรับเท่าไหร่ เด็กที่โตกว่า

เด็กที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม ต้องต่อสู้อย่างยากลำบาก กับเด็กที่โตกว่า

จึงเอาแต่คอยสั่งการเขา เล่นตามที่สั่งเท่านั้น เขาเป็นเด็กที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม ต้องต่อสู้อย่างยากลำบาก กับเด็กที่โตกว่า จนเป็นเรื่องปกติ มิชาเอล ชูมัคเกอร์ ซึ่งประสบการณ์ ในวัยเด็กนี่แหละ ทำให้เขาโตขึ้นมาเป็นกัปตันที่จิตใจเข้มแข็งของคนอื่น พออายุได้ 7 ขวบ

ครอบครัวเขาได้สนับสนุนเรื่องฟุตบอล โดยการเซ็นสัญญากับศูนย์ฝึก แล้วเขาได้ตั้งเป้าหมาย ในตอนนั้นว่า เขาจะต้องกลายเป็น กองกำลังสำคัญ ให้กับทีมนี้ให้ได้ เพราะอายุ 13 ปี พรสวรรค์ของเด็กคนนี้ ก็ถูกมองเห็นโดยสตีเฟ่น

โดยสตีเฟ่นได้กล่าวไว้ว่า มิเชลเป็นเด็กที่ สามารถอ่านเกม ได้ตั้งแต่ 13 ขวบ นั่นคือสิ่งที่ เด็กๆที่นี่ไม่มี และนั่นเป็นสิ่งที่ ทีมไม่เคยสอน ครั้งหนึ่งเขาได้ไปดู การเล่นของเด็กคนนี้ และพบว่าเด็กคนนี้น่าสนใจมาก

มิเชล บัลลัค

สักวันหนึ่งเขาจะต้อง เป็นนักเตะที่ ประสบความสำเร็จ อย่างแน่นอน พอมาถึงยุคที่ กำแพงเบอร์ลินได้พังลง บันลัค มิชชาเอล บัลลัค emilio ballack เพิ่มเป้าหมายใหม่ขึ้นมา นั่นก็คือเขาจะต้องก้าวไปเล่น ในบุนเดสลีกาให้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม

มิเชล บัลลัคประสบอาการ บาดเจ็บที่เข่า สุดท้ายนั้นหมอพูดว่า เขาได้เดินทางมาถึงจุดจบของการเป็นนักฟุตบอลแล้ว

อุปสรรคก็ได้ กระโจนเข้ามา ขวางเขาอย่างรวดเร็ว เขาประสบอาการ บาดเจ็บที่เข่า จากคำกล่าวของผู้เป็นพ่อ หมอบอกว่าบัลลัค มิชชาเอล บัลลัค louis ballack 

มีปัญหาเรื่องเข่าเรื้อรังมานาน แต่ตอนนี้มันเพิ่ง จะออกอาการที่ชัดเจน และสุดท้ายนั้นหมอพูดว่า เขาได้เดินทางมาถึงจุดจบของการเป็นนักฟุตบอลแล้ว มันเป็นเรื่องยากที่จะรับได้ของเขาในวัยเด็ก จากเด็กน้อยคนหนึ่งที่บอกตัวเองทุกวันว่า

เขาจะต้องเป็นนักฟุตบอลอาชีพให้ได้ แต่วันนั้นหมอคนนั้น กลับพูดว่ามันจบลงแล้ว แต่เราโค้ชคุณพ่อ และเขาก็ไม่เคยยอมแพ้ โค้ชทีมเยาวชน ได้ตัดสินใจให้เขากลับมาซ้อม มันเป็นการซ้อมแบบไม่มีฟุตบอล

ซึ่งเขาไม่ชอบการซ้อมในช่วงนั้นเลย แต่เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น เขาจึงเชื่อฟังโค้ช มันทำให้จิตใจของเขาแข็งแกร่งขึ้นมากในช่วงนั้น และเขายังคงรอวัน ที่ฟื้นขึ้นมา ทำตามความฝัน อีกครั้งหนึ่ง โค้ชในดวงใจของเขา

ได้ทำให้เขากลับสู่เส้นทางอีกครั้ง เขาพัฒนาตัวเองขึ้นในศูนย์ฝึก จนกระทั่งได้เซ็นสัญญา เป็นนักเตะอาชีพกับทีมเลสเตอร์ FC ในช่วงปี 1995 ซึ่งมันเป็น 2 เดือนก่อนที่เขาจะอายุ 19 ปีเต็ม จากนั้นเขาได้กลายเป็นตัวหลักของทีม ตั้งแต่ปี 1996 1997 ซึ่งในฤดูกาลนั้น เขาทำไปได้ 10 ประตู ถือว่าไม่เลวเลย สำหรับกองกลาง

แต่ก็ยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าไหร่ เพราะมันเป็นการโชว์ฟอร์มในลีกดิวิชั่น 3 แต่ถึงอย่างนั้นผลงานดังกล่าว ก็ไม่รอดพ้นจากสายตาของคิงออตโต้ นั่นก็คือ ออตโต้ เลฮาเกล เทพกุนซือสายบอลโยน โดยเขานั้น ได้ถูกจับเซ็นสัญญากับทีม ในปี 1997

นั่นจึงทำให้ความฝันของเด็กน้อย ที่อยู่ชายแดนเมืองเบียร์เป็นจริงทันที เพียงฤดูกาลแรก ปีศาจแดงแห่งเมืองเบียร์ขึ้นชั้น ก็ได้สร้างปาฏิหาริย์พาทีมเป็นแชมป์ลีก สูงสุดได้ในทันที และในตอนนั้น บัลลัคเป็นเพียงผู้เล่นตัวสำรอง

และเขาเพิ่งจะได้เป็นตัวหลักของทีม หลังจากที่ทีมได้แชมป์ลีก เขาได้ประสบการณ์สำคัญจากการไปเจอกับทีมใหญ่ในยุโรป และก็ช่วยให้ทีมได้เข้าไปเล่นรอบก่อนรองชนะเลิศ ของแชมเปียนส์ลีก เขาเป็นเด็กที่เริ่มเล่นอาชีพในดิวิชั่น 3

มิเชล บัลลัค

ได้ก้าวกระโดดมาเล่นในยุโรป ทำให้เขากลายเป็นที่น่าจับตามอง ของทีมใหญ่ๆในเยอรมันในตอนนั้น และหนึ่งในนั้นก็คือ ไบเออร์ลิเวอร์พูลเซ่น หลังจากที่โชว์ศักยภาพในยุโรป ภายใต้การคุมทีมของ King autto

เขาก็ได้ย้ายเข้ามาเล่นให้กับห้างขายยา โดยกุนซือรายนี้ เปลี่ยนตำแหน่งการเล่นของเขา จากกองกลางตัวกลาง ให้มาเป็นกองกลางตัวรุก และเขาก็โชว์ฟอร์มได้อย่างเทพ การเล่นด้านหลังของกองหน้า และที่นั่นเอง

แล้วที่นั่นเองเป็นที่ที่เขา เปิดตำนานพระลองอันเป็นที่เลื่องลือ ในปี 2002 ทีมต้องการแค่ผลเสมอ ในเกมสุดท้าย เพื่อที่จะคว้าแชมป์ลีก แต่เขากลับทำพลาด โดยการทำเข้าประตูตัวเอง ทำให้ทีมต้องแพ้ไปศูนย์ประตูต่อ 2

งานฤดูกาล 1999 ถึงปี 2000 จากนั้นมาอีก 2 ปี ในฤดูกาล 2001 2002 เขาได้พาทีมรุกถ้วยถึง 3 ถ้วย

ในขณะที่เสือใต้เก็บชัยชนะได้ ทำให้ทีมเป็นได้แค่รองแชมป์ งานฤดูกาล 1999 ถึงปี 2000 จากนั้นมาอีก 2 ปี ในฤดูกาล 2001 2002 เขาได้พาทีมรุกถ้วยถึง 3 ถ้วย มิชาเอลบัลลัค ig แต่ก็พลาดไปทั้ง 3 ถ้วยเช่นกัน โดยเริ่มจากการประลองแชมป์ realiga

ด้วยคะแนนตามหลังที่อื่นแค่แต้มเดียวเท่านั้น ตามมาด้วยการแปลให้กับชาลเก้ 04 ด้วยสกอร์ 2 ประตูต่อ 4 ในนัดชิงแชมป์เดเอฟเดโฟคาร์ล สุดท้ายคือการพลาดท่าให้กับ real madrid ในนัดชิงยูฟ่าแชมป์เปียนลีก ไปด้วยสกอร์ 0 ประตูต่อ 1

มันเป็นทั้งช่วงเวลาที่ดี และช่วงเวลาที่เลวร้ายในเวลาเดียวกัน เพราะทีมก่อนหน้านั้น เป็นเพียงแค่ทีมกลางตาราง จนกระทั่งเขานั้นได้เข้ามา ทีมได้กลายเป็นทีมลุ้นแชมป์ ไม่ใช่แค่แชมป์ในประเทศ แต่เป็นการลุ้นแชมป์ในระดับทวีปอีกด้วย

แต่ว่าสุดท้ายกับทำได้เพียงแค่ใกล้ พี่จะได้มันมาเท่านั้นเอง เขาเป็นนักเตะที่มีอิทธิพลต่อที่เมืองมาก ความท็อปฟอร์มที่ยอดเยี่ยมของเขา จนทำให้แฟนบอลตั้งฉายาว่า the ไกเซอร์ หรือจักรพรรดิน้อย เนื่องจากอิทธิพลที่มีต่อทีมของเขา

มันอยู่ในระดับที่สูงและที่เดียว เท่านั้นยังไม่พอ ในปี 2002 ยังมีศึกฟุตบอลโลก ที่เขาพูดกำลังท็อปฟอร์ม ได้กลายเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมชาติเยอรมันชุดขิงแก่ และโอกาศในการคว้าแชมป์ กลับมาอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อบัลลัค โคเซ่ โอลิเวอร์ คาห์น นายช่วยกันพา ทีมชาติเยอรมัน ทะยานเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศ โดยในเกมนั้น เยอรมันโหมบุกอย่างหนัก แต่กลับไม่สามารถทำประตูใส่บราซิลได้เลย และกลับกันกลายเป็นบราซิล

ที่สามารถทำเกมโต้กลับได้อย่างสวยงาม จนทำให้ทำอินทรีเหล็ก พ่ายแพ้ไปด้วยสกอร์ 0 ประตูต่อ 2 และนั่นเป็นครั้งแรก ที่เขานั้นถูกตีตราว่า เป็นได้แค่พระรองเท่านั้น แต่เขากลับไม่สนใจในกระแสเหล่านั้น

เขายังคงมุ่งมั่นไล่ล่าแชมป์ต่อไป แต่ในคราวนี้มันเปลี่ยนมาเป็นทีมบาเยิร์นมิวนิค ที่นั่นเขาได้ในสิ่งที่เขาสมควรจะได้มาตั้งนาน นั่นก็คือแชมป์ลีก มีเพียงฤดูกาลเดียว ที่เขาได้ลองแชมป์นั่นก็คือ ในฤดูกาล 2003 2004

หลังจากที่ประสบความสำเร็จแบบที่หวังไว้ เขาได้ตัดสินใจย้ายมายังเชลซี ด้วยสัญญาค่าตัวฟรีหลังหมดสัญญากับเสือใต้ มันเหมือนนำประสบการณ์เก่า รวมกับตอนที่อยู่กับเสือใต้ เนื่องจากมี 5 ครั้ง ที่เขาได้ถือถ้วย 4 ครั้ง

Miss M

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ข่าวกีฬา Previous post ข่าวกีฬา สื่อปูด!เอฟเอคัพพร้อมให้เปลี่ยนสำรอง5คน
Next post ข่าวบอล โอละพ่อ! “อดีตดาวรุ่งชาลเก้” ส่อคุก 10 ปี หลังถูกกล่าวหาว่าเสียชีวิตเพื่อเงินประกัน